โดย อาจารย์แอน


          เรื่องราวของสามก๊ก ดูเหมือนจะค่อนข้างยืดยาดตามกาลเวลาของการตีความ และชื่อคนที่ยาก สำนวนที่คลาสสิค ดังนั้นข้าพเจ้าจำเป็นต้องรวบรัดตัดตอน ใช้สำนวนของข้าพเจ้าเอง เฉพาะตอนที่เราๆ ท่านๆ รู้อยู่แล้ว


เป็นอันว่า ด้วยกลอุบายของอ้องอุ้น ที่ออกปากยกนางเตียวเสี้ยนให้กับลิโป้ก่อน แล้ววันรุ่งขึ้น ก็พานางเตียวเสี้ยนเข้าจวนตั๋งโต๊ะ ยกนางให้กับตั๋งโต๊ะโดยมีคำพูดที่เสนาะหู ยกนางให้อย่างแนบเนียน ดังนี้


เมื่อข้าพเจ้าอายุได้ยี่สิบห้าปี ข้าพเจ้าได้เรียนดูดาวสำหรับพระมหากษัตริย์ และดาวประจำเมืองกับดาวบริวารทั้งปวงนั้น บัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นดาวสำหรับพระมหากษัตริย์นั้นเศร้าหมอง และดาวมหาอุปราชนั้นมีรัศมีรุ่งเรือง ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูเห็นว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้จะดับสูญ ราชสมบัตินั้นจะได้แก่ท่านเป็นมั่นคง


ถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าเอง (คืออาจารย์แอน ไม่ใช่อ้องอุ้น) ก็ให้ย้อนนึกถึง ดวงชาตาของกรุงศรีอยุธยาที่มีดาวมุขอำมาตย์ คือดาว ๕ เป็นอุจจ์ โยคหน้า ลัคนา ดวงเมือง ส่วนดาวแห่งพระมหากษัตริย์นั้น ถูกเบียน ดังนั้น จึงมีคำทำนายว่า เมื่อใดก็ตาม ที่มุขอำมาตย์ กล้าแข็ง ก็จะต้องชิงแผ่นดินชะรอย ชาตาเมืองลกเอี้ยงจะเข้าเกณฑ์เดียวกับชาตาเมืองกรุงศรีอยุธยาเป็นมั่นคง(สำนวนพอจะอยู่เล่มเดียวกันได้)


เมื่อ ตั๋งโต๊ะ มีอาการตกหลุมพรางแน่แล้วอ้องอุ้นจึงดำเนินการ


จึงให้จัดแจงข้าวของ เสื้อผ้าอย่างดีให้แก่นางเตียวเสี้ยน เป็นอันมาก แล้วให้นางเตียวเสี้ยนขึ้นเกี้ยว เกณฑ์ผู้คนทั้งปวงให้ไปส่ง ณ ที่อยู่ตั๋งโต๊ะในเมืองหลวงในเวลากลางคืนนั้น


อ้องอุ้น ทำเป็นยกนางเตียวเสี้ยน ให้เป็นเมียน้อยลิโป้ แต่กลับส่งนางไปให้ตั๋งโต๊ะ เมื่อลิโป้รู้ดังนั้นก็โกรธอ้องอุ้นเป็นอันมาก แต่อ้องอุ้นนั้นวางแผนไว้อย่างดีแล้วตั้งแต่แรก จึงไม่ตระหนกตกใจ จึงหาวิธีตอบซึ่งทำให้ลิโป้กับตั๋งโต๊ะค่อยๆ แคลงใจกัน โดยพูดให้ลิโป้รู้สึกว่า ตั๋งโต๊ะใช้อำนาจบังคับเอานางเตียวเสี้ยนไป ทั้งที่รู้ว่าเป็นของลิโป้ ลิโป้ก็เริ่มผูกใจเจ็บตั้งแต่นั้นมา


ในสามก๊กเล่าว่า
เมื่อตั๋งโต๊ะได้นางเตียวเสี้ยนมาไว้นั้น มีความรักใคร่ลุ่มหลง ไม่ได้ออกว่าราชการ กำหนดได้ถึงเดือนเศษ ครั้นตั๋งโต๊ะป่วยลงแล้ว นางเตียวเสี้ยนนั้นแสร้งอุตส่าห์กระทำรักษาพยาบาลปรนนิบัติตั๋งโต๊ะ มิให้อนาทรร้อนใจ ตั๋งโต๊ะก็มีความรักนางเตียวเสี้ยนเป็นอันมาก
อยู่มาวันหนึ่งตั๋งโต๊ะก็ล้มป่วย นางเตียวเสี้ยนก็ประสบช่องทางให้พ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงแตกกัน เรื่องมีอยู่ว่า
ครั้นเวลาวันหนึ่ง ลิโป้เข้าไปเยี่ยมถึงที่ข้างใน ตั๋งโต๊ะนั้นนอนหลับอยู่ นางเตียวเสี้ยนเห็นลิโป้เข้ามาจึงเอนตัวออกไปข้างหลังมุ้ง แล้วทำเป็นกลมายา เอามือชี้ไปตรงตั๋งโต๊ะ แล้วชี้เข้าที่อกของตัว จึงทำเป็นร้องไห้ ลิโป้แจ้งในกิริยาของเตียวเสี้ยนทำนั้น ก็ยิ่งมีความเสน่หาอาลัยขึ้นเป็นอันมาก


ฝ่ายตั๋งโต๊ะตื่นขึ้น เห็นลิโป้เข้ามา แลดูไปข้างหลังมุ้งมิได้กระพริบตา จึงชะโงกไปดู เห็นนางเตียวเสี้ยนยืนดูอยู่ข้างหลังมุ้ง ก็มีความโกรธจึงร้องตวาดว่า อ้ายลิโป้นี้ เสียแรงกูไว้ใจรักดั่งบุตรในอุทร บังอาจหยอกเมียกูได้


ความบาดหมางด้วยผู้หญิงเป็นเหตุนี้ ลิยู ที่ปรึกษาคนสำคัญของลิโป้ตกใจมาก เข้าไปว่ากล่าวแก่ตั๋งโต๊ะว่า
ท่านซิคิดการใหญ่ เป็นไฉนมาขัดเคืองลิโป้ด้วยเรื่อง มโนสาเร่เล่า ถ้าลิโป้เอาใจอออกห่าง ท่านก็จะหวังเอาผู้ใดเป็นกำลังสืบไปเล่า

ในตอนแรก ตั๋งโต๊ะก็เชื่อฟัง พยายามเอาใจลิโป้ด้วยทรัพย์สินเงินทอง สมัยนั้นคือ ทั้งทองคำ ทั้งผ้าแพร ทั้งสองก็พอจะคืนดีกัน แต่ใจของลิโป้ก็ยังคิดถึงนางเตียวเสี้ยนอยู่ เป็นช่องทางให้แผนนางงามนั้นดำเนินต่อ เพราะนางเตียวเสี้ยนก็ยังคงดำเนินการต่อ โดยรอจังหวะและโอกาส