พิชัยสงครามกับสามก๊ก
ตอนที่ ๔/๑
โดย อาจารย์แอน
ดวงชาตาดาวจรที่ค้นออกมาได้
ในปี พ.ศ. ๗๓๓ ซึ่งเป็นปีที่ตั๋งโต๊ะมีอำนาจวาสนา
สูงสุด
โดยเปรียบเทียบกับนิสัยใจคอของตั๋งโต๊ะ สันนิษฐานว่าตั๋งโต๊ะมีลัคนาอยู่ที่ราศีมีน
คือ อยู่ในอุตตรกุรุทวีป ทำให้มีอำนาจวาสนา การย้ายเมืองหลวง ทำให้ได้อยู่เมืองหลวงถึงสองเมือง
และในปีนี้ ดาวมาชุมนุมอยู่ในราศีเมถุน ซึ่งถ้าให้ลัคนาอยู่ที่ราศีมีน คืออำนาจ
วาสนา หลังจากย้ายถิ่นฐาน เพราะภพพันธุเข้มแข็ง และยังได้อำพุเกณฑ์อีกด้วย
ดาวจร สามก๊ก พ.ศ.๗๓๓ |
ดาวที่ชุมนุม
แน่นอนย่อมต้องมี ดาวขุนพล คือ ดาว ๓ ดาว หญิงงาม คือ ดาว ๖ รวม ๙ และ เนปจูนด้วย
และการมีอำนาจสูงสุดต้องมีดาว ๑ เป็นอุจอยู่ราศีเมษ ห่างดาว ๖ สามราศี ทำให้ได้ ๖
เพ็ญ ดาวมรณะของราศีมีน คือดาว ๖ ในที่สุดก็ต้องมรณกรรมเพราะสาวงาม
เราจะได้ติดตามกันต่อไป
ลักษณะของเมืองลกเอี๋ยงก็ดี เตียงฮุน ก็ดี หรือเมือง เหม่ยอู่ ก็ดี ต่างก็อยู่ติดแม่น้ำ
ดาวเกตุ ดาวเนปจูน ในราศีที่ได้ อัมพุเกณฑ์
ก็ยังมีความหมายที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่ขุด ฮวงซุ้ย ของบรมกษัตริย์
อันนี้ต้องให้ดาว ๗ ที่หมายถึงป่าช้า เป็นมรณะกับตำแหน่งอัมพุ ราศีเมถุน คือ ดาว ๗
เป็นเกษตร ทรัพย์มากมายที่อยู่สุสานนั่นเอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตั๋งโต๊ะ
ในเวลาต่อมา ก็เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบุคคลสามคน คือ ลิโป้ นางเตียวเสี้ยน
และตัวตั๋งโต๊ะเอง โดยมี อ้องอุ้น เป็นตัวทำให้เกิดเรื่องขึ้น
ก่อนอื่นต้องขอบรรยาย
ความเก่งกล้าสามารถของลิโป้ก่อน ซึ่งเปรียบเสมือน
พระเอกในตอนนี้และมีนางเตียวเสี้ยน เป็นนางเอก และตั๋งโต๊ะ เป็นผู้ร้าย
เมื่อโจโฉ
ขึ้นม้าหนีภัยจากการลอบพกกระบี่เข้าไปสังหารตั๋งโต๊ะ แล้วทำการไม่สำเร็จ
หนีออกไปทางประตูตะวันออก ออกไปเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คนอยู่ ณ เมือง ๆ หนึ่ง
มีผู้เข้าร่วมด้วยเป็นจำนวนมากรวมทั้งอ้วนเสี้ยว ที่พาคนในสังกัดเข้าร่วมด้วย
สรุปได้ว่า คณะที่เข้าร่วมด้วยตอนนั้น มีถึง ๑๖ หัวเมือง เมืองหนึ่ง
มีกำลังไม่ต่ำกว่า สองสามหมื่นคน นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
กองกำลังผสมนี้
ยกให้ อ้วนเสี้ยว เป็นหัวหน้า ยกทัพเข้ามาถึงดินแดนของลกเอี๋ยง และเมื่อ ตั๋งโต๊ะ
ทราบข่าวศึก ก็คลายวิตก เพราะลิโป้อาสาออกศึกครั้งนี้เอง ถึงกับออกปากว่า
“ทุกวันนี้เราได้ลิโป้ไว้เป็นบุตรถึงจะได้ทหารอื่น
ๆ มาไว้สิบหมื่นก็ไม่เท่าลิโป้”
แต่ลิโป้ไม่ได้ออกศึกทันที
เพราะสุภาษิตที่ว่า “ฆ่าไก่ ใยต้องใช้มีดโค” ฮัวหยง นายทหารฝีมือดี
อาสาเป็นผู้ออกรบกับทัพหัวเมือง เป็นครั้งแรก และก็ถูกตัดหัวตกม้าตาย
โดยฝีมือของทหารโนเนมในครั้งนั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ กวนอู
สามก๊ก |
ตั๋งโต๊ะได้ประจักษ์ถึงกำลังที่เข้มแข็งของกองทัพผสม
จึงยกทหารเมืองหลวงจำนวน แสนห้าหมื่นคนออกไปรับเอง แล้วให้ลิโป้
พระเอกของเราในตอนนี้ (คือ เป็นพระเอกเฉพาะกิจ เป็นตอน ๆ ไป)
คุมคนสามพันเป็นกองหน้า ออกไปตั้งค่ายเพื่อต่อกรกับข้าศึก
ลิโป้ได้แสดงถึงความเป็นเอกในเชิงทวน
หาใครเทียบยาก ให้คนทั้งหลายได้ประจักษ์ ด้วยการถือทวนเล่มหนึ่ง
บนหลังอาชาสีถ่านเพลิง ไม่สวมเกราะที่ศีรษะ เป็นเชิงประกาศว่า
ข้าสามารถคุ้มครองหัวตนเองได้ บนมวยผมทำเป็นรูปหัวสิงห์
รัดเกล้าทองคำเสียบปิ่นขนจามรีสีแดง เป็นพวงปลิวไสวท่ามกลางสมรภูมิ ที่ลิโป้ถึงไหน
ทหารหัวเมืองก็ตายเป็นเบือใต้คมทวน
วันแรกผ่านไป
ด้วยชัยชนะของฝ่ายเมืองหลวง โดยมีลิโป้ เป็นทัพหน้า วันต่อมา
กลุ่มกองกำลังหัวเมืองต้องเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ เอาขุนศึกออกรบพร้อมกัน ๘ คน
เพื่อต่อกรกับลิโป้ ดังนี้
กองซุนจ้าน เจ้าเมืองปักเป๋ง
สันทัดเพลงง้าวฝีมือนั้น รับมือลิโป้ได้เพียง ๑๐ เพลง เตียวหุย
ต้องเข้ามาปะทะช่วยไว้ได้อีก ๕๐ เพลง กวนอู ต้องเข้ามาช่วย ยึดได้อีก ๒๐ เพลง
เล่าปี่ ชักวิตก ก็ใช้ดาบสองมือ เผ่นโผนเข้าช่วยอีกแรง
เป็นสามพี่น้องร่วมแรงร่วมใจกัน แต่ก็สู้ไม่ได้
นี่แหละ
เก่งแค่ไหน ถือว่า เป็นขุนพล ที่รบเก่งที่สุด ฝีมือดีที่สุด หล่อที่สุด และ ...
เลวที่สุด
ลิโป้ บนหลังม้า เซ็กเทา ซึ่งเป็นม้าดีที่สุด
อีกเหมือนกัน ในที่สุด สามรุมหนึ่ง ไม่มีใครแพ้ชนะโดยเด็ดขาด ก็พาเจ้านายควบหนีห่างออกมา
นี่เรียกว่าพาหนะดีเสียอย่าง อันตรายไม่มีกล้ำกราย