พยากรณ์วันพฤหัสบดีที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ โดย อาจารย์แอน

พยากรณ์วันพฤหัสบดีที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘
โดย อาจารย์แอน

          เป็นวันที่เหมือนต้องรีบเร่งไปทุกเรื่อง กะการณ์อาจพลาดได้ถ้าไม่รอบคอบ อะไรที่ไม่แน่นอน ต้องตัดทิ้งไปก่อน โอกาสเป็นของผู้มีวาสนา วาสนาจะมีมาถึงคนที่เตรียมพร้อม วางแผนล่วงหน้า และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน



พร้อมทำสัญญา เอกสารต้องไม่ตกหล่น มีโอกาส ช่องทางที่ดี ถึงมีอุปสรรคก็ต้องฝ่าฟันทำให้ถึงเป้าหมาย ไม่มีอะไรได้มาง่าย วันนี้มีเรื่องสำคัญต้องทำมากมาย



รายงาน เอกสาร โครงการใหม่ เริ่มนำเสนอได้ในวันนี้



สีดี เหลือง ครีม ขาว ฟ้า




คติวันนี้ หลังจากฝนตกหนัก ท้องฟ้าจะแจ่มใส

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๗/๑ โดย อาจารย์แอน

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๗/๑
โดย อาจารย์แอน

          เรื่องของลิฉุย กุยกี ตัวละครที่ให้ข้อคิดแก่เราในการคบเพื่อน เรื่องราวตอนนี้ยาวพอสมควร และยังไปเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นๆ ด้วย ทำให้เราได้ทราบเรื่องราวของสามก๊ก เป็นเรื่องเป็นราว ได้รายละเอียด ก่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
อ.แอน,อาจารย์แอน,ษณอนงค์,โหราศาสตร์,ฮวงจุ้ย,ล๊กเอี๊ยง,ลั่วหยาง
สามก๊ก:ภาพจากอินเตอร์เน็ต


จับความเมื่อครั้งที่ตั๋งโต๊ะมหาอุปราชผู้สุดแสนชั่วช้า ถูกกำจัดลงด้วยความคิดของอ้องอุ้น และฝีมือของลิโป้นั้น เหล่าประชาชีของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ต่างยินดีปรีดาปราโมทย์กันไปทั้งเมือง และคาดว่าบ้านเมืองจะได้ร่มเย็นเป็นสุขกันเสียที แต่ความฝันของอาณาประชาราษฎร์ก็ไม่ได้เป็นจริง เพราะมีตัวร้ายผุดขึ้นมาแทน


เรื่องของทำเล เป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่งนะคะ เพราะบางที่ บางแห่ง ถ้าทำเลเสีย ก็อาจทำให้คนดีๆ เปลี่ยนพฤติกรรมเป็นร้ายได้ อย่างที่เมืองล๊กเอี๋ยง หรือลั่วหยางนี้ ลักษณะการสร้างพระราชวัง หรือ การย้ายวัง เผาวัง ฯลฯ น่าจะมีสาเหตุจาก ทำเลสภาพแวดล้อมที่เสียทั้งสิ้น ทำให้พฤติกรรมของผู้บริหารบ้านเมืองแต่ละคน ต่างก็มีพฤติกรรมละม้ายแม้นไปในทางเดียวกันหมด


เราลองสังเกตทำเลของเราดูบ้าง มีอะไรที่เกิดซ้ำๆ กันบ้าง ที่ดีก็ปล่อยไป ที่ไม่ดีก็ต้องตามดู เพื่อแก้ไข แต่ในสามก๊ก คงไม่มีเวลาสังเกต เพราะมัวรบกันชิงความเป็นใหญ่


อย่างเช่น ลิฉุย กุยดี สองนายพลคนเก่ง แต่พอเปลี่ยนพฤติกรรม ท้ายสุดก็มีจุดจบเหมือนคนอื่นๆ 


ในครั้งนั้น สองนายพล พร้อมด้วยเตียวเจ และหวนเตียว สองทหารเอก ได้ยกทหารเข้ามาแก้แค้นแทนเจ้านายตน ฆ่าอ้องอุ้นตาย ส่วนลิโป้ หนีไปได้


ตอนแรก สองนายพล สองทหารเอก ก็กะว่าจะชิงราชสมบัติเสียเลย แต่มีที่ปรึกษา มองดูแล้วว่าบารมียังไม่ถึง ทำการใหญ่เกินตัว จะพังเสียเปล่าๆ ประชาชนก็ไม่เอาด้วย อย่ากระนั้นเลย ควรจะเข้าเฝ้า ขอทำราชการในเมืองหลวงนี่แหละ แทนพวกที่ตนเองโค่นลง แล้วหาทางเป็นใหญ่เสียเอง


ดังนั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ ลิฉุย กุยกี จะเข้ามาเป็นใหญ่เถลิงอำนาจต่อไป

เมื่อได้เข้ารับราชการ ทั้งหมดได้ทูลขอตำแหน่งขุนนางที่สำคัญๆ คือ ลิฉุย เป็นแม่ทัพใหญ่ และผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร กุยกี เป็นแม่ทัพรอง และเป็นผู้ว่าราชการฝ่ายทหาร ส่วนเตียวเจ และหวนเตียว เป็นนายทหารเอก ซ้ายขวา ซึ่งการขอตำแหน่งอย่างนี้คือ การขออำนาจ ทางทหารและการปกครองนั่นเอง


พระเจ้าเหี้ยนเต้ ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เพราะผู้มาขอก็มีอำนาจทางทหารอยู่ในมืออยู่แล้ว เลยต้องแต่งตั้งตามคำขอ


หลังจากได้อำนาจมาแล้ว ลิฉุย กุยกี ก็เหลิงในอำนาจ ก็เปลี่ยนพฤติกรรมตามทำเล ทำการหยาบช้ากว่าตั๋งโต๊ะเสียอีก พวกข้าราชการและขุนนางในเมืองหลวงจึงอยู่ในอำนาจของลิฉุย กุยกี จนหมดสิ้น ทั้งสองตั้งให้จูฮี ซึ่งเป็นขุนนางนอกราชการมาเป็นที่ปรึกษาใหญ่ แล้วให้เตียวเจ หวนเตียว ไปรักษาเมืองฮองหลงหน้าด่าน ส่วนลิบ้อง เอียวหอง ซึ่งเป็นไส้ศึกของตนที่เคยประตูรับ ก็เลื่อนชั้นขึ้นตามความดีความชอบในครั้งนั้น



เปิดตัวละครเพิ่มอีก คือ ม้าเท้ง เจ้าเมืองเสเหลียง ตระกูลม้า นี่พวกเราต้องจดจำไว้ให้ดี เพราะพระเอกของตระกูลนี้คือ ม้าเฉียว ที่จะมีบทบาทที่สำคัญในสามก๊กต่อไป

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖/๓ โดย อาจารย์แอน

พิชัยสงครามกับสามก๊ก ตอนที่ ๖/๓

        ตันก๋ง ถามโจโฉด้วยความกังขาว่า ทำไมต้องฆ่าแป๊ะเฉีย
โจโฉ ก็กล่าววาจาอมตะที่เลื่องลือขึ้นมาว่า ข้าพเจ้าขอทรยศต่อโลก ดีกว่าจะยอมให้โลกทรยศต่อข้าพเจ้าก่อน
ษณอนงค์, www.sana-anong.com,ajarn ann team,สามก๊ก
สามก๊ก:โจโฉ ตันก๋ง

ประโยคนี้แหละ ถ้าสามารถกล่าวออกมาได้ ก็จะได้เป็นใหญ่ แต่อย่าได้มาเกิดในประเทศไทยเลย ประเทศไทยเราเล็กเกินไป คงแบ่งเป็นสามก๊กไม่ได้ แล้วแม่สอด กับเมืองกาญจน์ จะเอาอะไรกิน

ผลก็คือ คืนนั้น ในโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ทั้งโจโฉ และตันก๋งต่างก็นอนไม่หลับ แต่โจโฉหลับไปก่อน ตันก๋งนึกรำพึงว่า
โอ้ ... ตัวกูสู้สละสมบัติพัสถานและลูกเมีย ติดตามไอ้โจโฉมา ด้วยสำคัญว่าดีมีปัญญา จะได้ช่วยกันกู้แผ่นดิน ไม่รู้ว่าเป็นคนทารุณโหดร้ายเยี่ยงหมาป่า หาความกตัญญูมิได้ ขืนสมาคมต่อไปไม่บังควร จำกูจะฆ่ามันเสียก่อน จะได้สิ้นเสี้ยนหนามของแผ่นดินในภายภาคหน้าว่าแล้วก็ลุกขึ้นชักกระบี่
แต่เนื่องจากสามก๊กยังต้องมีตอนต่อไปอีกหลายปีกว่าจะจบ ตันก๋งก็เกิดได้คิดขึ้นมาว่า เราสมัครใจตามเขามาเอง จะฆ่ามันตอนหลับนั้นไม่เป็นธรรม ไม่ชอบใจเราก็ควรหลีกเลี่ยงออกห่าง คิดตกแล้วก็รีบหนีไป

จำชื่อ ตันก๋งให้ดี ต่อไป ก็จะเป็นปฏิปักษ์กับโจโฉตลอดไป

โจโฉ ตื่นขึ้นมาตอนดึก ไม่เห็นตันก๋ง ก็พอจะเข้าใจ แต่ตัวเองก็ต้องรีบเผ่น เพราะไม่รู้ว่าภัยจะมาตอนไหน

เหตุการณ์เล็ก ๆ ตอนนี้ ชี้ให้เห็นถึงอุปนิสัยของโจโฉ ที่จะได้ทำการใหญ่ในวันหน้า
ครั้งนั้น โจโฉก็ได้มาถึงบ้านเกิดที่เมืองตันหลิว ลอบพบกับโจโก๋ ผู้เป็นบิดา แล้วขอเงินซื้อม้า อาวุธรวบรวมผู้คน จัดตั้งเป็นกองกำลัง ใช้คำขวัญลงในธงสีขาวว่า ภักดี และยุติธรรมโจโฉ คือ ดาว ๔ , ภักดี คือดาว ๕ และยุติธรรม คือ ดาว ๖ รวมกันก็เป็น  สี่โหงวลัก
เพราะเหตุนี้ถึงรอดปลอดภัยมาตลอด แถมนิด ความหวาดระแวงของโจโฉ คือ ดาว ๗ ความหมายของดาว ๗ คือ ความเป็นปึกแผ่น รวมกับดาว ๔ เจรจาดี สามารถรวบรวมคนดีไว้ใกล้ตัว

รวบรวมผู้คนได้มากทีเดียวค่ะตอนนั้น เพราะได้กำลังจาก แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน ผู้เป็นญาติ คุมกำลังพันเศษ โจหยินกับโจหองผู้น้องอีกพันเศษ ฝ่ายอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองปุดไฮ รู้ข่าวว่า โจโฉกำลังเตรียมการรบ ก็ยกทหารมาร่วมด้วยอีกประมาณ สามหมื่นเศษ แล้วก็ร่วมมือกันชักชวนอีก ๑๕ หัวเมือง รวมกำลังกันมาปราบตั๋งโต๊ะ

ถ้าตอนนั้น ตอนที่รวมตัวกัน คาดการณ์ได้ว่า ดาว ๔ พักร หรือไม่ก็โคจรเป็นนิจ เป็นประ เข้าสู่จุดเสื่อม ทั้งเบียนกับดาว ๗ ในช่วงนั้น โจโฉ ให้อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพ เพราะมีชาติตระกูลที่สูงกว่าใครเพื่อน ผลก็คือหลังจากปราบตั๋งโต๊ะแล้ว ก็แตกสามัคคีกัน แต่ใครจะแตกกัน ใครจะอยู่ ใครจะไป โจโฉได้ดีก็แล้วกัน เพราะอาสาปราบโจรโพกผ้าเหลือง มีความดีความชอบครองเมืองกุนจิ๋ว หลังจากนั้น ก็รวบรวมตีเมืองได้หลายเมือง ชิงมาจากโจรโพกผ้าเหลือง จนได้เป็นอาณาจักรใหญ่ทางภาคตะวันออกทีเดียว


เมื่อหมดยุคของตั๋งโต๊ะ ก็เป็นยุคของลิฉุยกุยกี ที่จะกล่าวถึงความละเอียดต่อไป เอาเป็นว่า โจโฉ ตอนนี้ได้เป็นใหญ่เป็นโต รอเวลาที่จะทำการใหญ่ต่อไป