พิชัยสงครามกับสามก๊ก
ตอนที่ ๑/๕
โดย
อ.ษณอนงค์ คำแสนหวี (อาจารย์แอน)
ในวันเพ็ญ
เดือน ๔ พ.ศ.๗๑๒ เวลาตอนเที่ยง เวลานั้นมีลมพายุหนัก มีงูเขียวตกลงมา ณ ที่เฝ้า
ทหารที่รักษาพระองค์รีบทูลเชิญเสด็จเข้าข้างใน
ขุนนางน้อยใหญ่ที่เฝ้าต่างตกใจในอาเพศที่เห็นตรงหน้า สักครู่ งูนั้นก็หายไป
แต่ก็เกิดฟ้าร้อง ฟ้าคะนอง ฝนตกห่าใหญ่ เกิดลูกเห็บตก
ถูกตึกรามบ้านเรือนในเมืองพังทลายเป็นอันมาก เวลาเที่ยงคืนฝนจึงหยุดตก
ลัคนา ณ เวลาที่เกิดเหตุ อยู่ราศีเมถุน อันเป็นราศีของดาว ๙ คือ ปรากฏการณ์ที่ไม่เป็นมงคล
หมายถึง ความอดอยากของราษฎร เพราะดาว ๙ กุมดาว ๒ ที่ราศีกรกฏ
อันเป็นดาวอู่ข้าวอู่น้ำของดวงเมือง ดาว ๘ และเนปจูน เล็งลัคนา
หมายถึงอิทธิพลชั่วร้ายที่ครอบงำเมือง เป็นดวงแตก
ดาว
๓ ที่เป็นเกษตร หมายถึง สภาวะสงครามหรือข่าวศึกจากแดนไกล แสดงออกโดยฝนฟ้าคะนอง
ดาวจร ปี พ.ศ.๗๑๒ |
และดาว
๑ ดาวแห่งกษัตริย์ ในภพกัมมะ หมายถึง ชาตากรรมที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดาว ๑
ที่อยู่ราศีธาตุน้ำ มีดาว ๗ และดาว ๖ คู่ศัตรู หมายถึง ความอ่อนแอของกษัตริย์
บ้านเมืองจะมีอันตรายเพราะดาว ๔ เป็นประ คือ บ้านเมืองจะตกอยู่ในมือของขุนนางกังฉิน
เพราะดาว ๔ คือ ดาวเสนาบดีดาวขุนนาง
เอาคร่าวๆ
พอรู้ชะตาเมือง
อีกสี่ปีต่อมา
คือ พ.ศ.๗๑๖ เดือนมีนาคม เกิดแผ่นดินไหวในนครลั่วหยาง
เกิดน้ำท่วมพัดบ้านเรือนราษฎรเสียหายมากมาย ไก่ตัวเมียกลายเป็นไก่ตัวผู้ไล่จิกตี
ต้อนไก่ตัวเมีย
“ต้องเป็นเรื่องราวที่ไม่ดี
เกี่ยวกับขันที แน่นอน”
ครั้นถึง หนึ่งค่ำ เดือนสิงหาคม เกิดนิมิตเป็นควันไฟพุ่งขึ้นฟ้าประมาณ ๒๐ วา
พุ่งเข้าไปในพระที่นั่งอุนต๊กเตี๊ยน
ช่วงนี้ ดาว ๑ เข้าสู่ราศีสิงห์ธาตุไฟ นิมิตร้ายก็เกิดจากไฟ
ทั้งนี้ตามประวัติศาสตร์บันทึกว่าเป็นเดือนสิงหาคม ที่ดาว ๑ สถิตอยู่ราศีสิงห์
เมื่อถึงเดือนกันยายน พระอาทิตย์ เข้าสู่ราศีธาตุดิน เกิดนิมิตดินแยกแตกทำลาย
เขารันซัวแตกแยกทำลายลงมา
เมื่อ ดาว ๑ เข้าสู่ราศีธาตุใด มีเหตุเกิดให้ธาตุนั้นถูกทำลาย
เป็นนิมิตหมายที่ไม่เป็นมงคลเสมอ เพราะนิมิตครั้งแรกก็แสดงถึงอันตรายของดาว ๑
ที่หมายถึงดาวกษัตริย์เสียแล้ว ดังนั้น ต่อมาถ้าเกิดเหตุอาเพศครั้งใดก็ตาม ดาว ๑
นี่แหละ
เช่น
เหตุที่เกิดกับ แผ่นดินสมัยพระเจ้าเลนเต้ พอดาว ๑ เข้าสู่ธาตุไฟ ธาตุไฟ ก็แตก
เกิดไฟไหม้พระตำหนัก พอดาว ๑ เข้าสู่ ราศีธาตุดิน อันเป็นราศีของดาว ๔ ธาตุดิน
ก็แตกแยก ดาว ๔ หมายถึงเสนาบดี มีความหมายว่า บ้านเมืองจะวิบัติ
แผ่นดินจะมีแต่ความแตกแยก แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าเพราะเสนาบดี ไม่ตั้งอยู่ในความเป็นธรรม
นิมิตที่เกิดมาโดยลำดับ ไม่มีใครแปลให้พระเจ้าเลนเต้ฟัง
พระองค์เองก็ไม่ได้สบายพระทัย พยายามถามเหล่าขุนนางว่า นิมิตร้ายต่างๆ
ในแต่ละปีมีความหมายว่าอย่างไร
ยีหลงขุนนางผู้ใหญ่ จึงเขียนหนังสือลับกราบทูลว่า
“ตราบใดที่บ้านเมือง
ตกอยู่ในอำนาจของคนไม่ชายไม่หญิง คือขันที เมื่อนั้นจะเกิดอาเพศ
ไก่ตัวเมียจะกลายเป็นไก่ตัวผู้ และการที่แผ่นดินบนเขารันซัวแตกแยก
ก็คือการแตกแยกของขุนนางทั้งหลายนั่นเอง และแผ่นดินจะต้องวิบัติเป็นมั่นคง”
พระเจ้าเลนเต้เห็นหนังสือแล้วก็เฉยๆ ไม่ตรัส ไม่จัดการ ไม่ทำอะไร
เพราะผู้ที่อยู่ใกล้ๆ ตอนนั้นคือ เทาเจียด หนึ่งใน ๑๐ ขันที
คือยีหลง ส่งหนังสือลับ แต่พระเจ้าเลนเต้ เอามาอ่านในที่แจ้ง
ในที่สุดยีหลงก็ต้องถูกกำจัดไปตามสูตรสำเร็จอีกเหมือนกัน
โปรดสังเกตว่า เหตุอาเพศนั้น ไม่ได้เพิ่งเกิดเพียงวันสองวัน เกิดกันเป็นปีๆ อาเพศ
เหตุการณ์แปลกๆ อย่างนี้ ชาวบ้านไม่สนใจ แต่ชาวโหรทั้งหลายต้องสนใจ
เพราะเป็นการบอกเหตุร้าย เหตุใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ถ้าพระพุทธศาสนา เข้าไปในจีนเร็วกว่านี้ บางทีพระเจ้าเลนเต้ จะได้รู้จัก มงคล ๓๘
ประการและทศพิธราชธรรม ซึ่งนั่นก็คือ เราก็จะไม่ได้เรียนสามก๊ก ฉบับพิเศษ
ฉบับนี้อย่างแน่นอน
เมื่อพระเจ้าเลนเต้ไม่ดำรงตนอยู่ในความเป็นสิริแก่ตนเอง ทั้งให้อำนาจหยิน
และถ้าเทียบตามหลักโครงสร้างแล้ว ขุนนางฝ่ายบู๊ คือหยาง ขันทีคือหยิน
เมื่อพระเจ้าเลนเต้ ให้ความสำคัญของหยินเป็นอย่างมาก
ประกอบกับอยู่ใกล้สาวสวรรค์กำนัลในซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมด เกิดสภาวะ หยินฆ่าหยาง
คนดี ขุนนางตงฉินถูกกำจัด ถูกฆ่าไปทุกวันๆ หยิน ครองเมืองอย่างนี้ถ้าเป็นธุรกิจ
ก็ต้องล้มละลายแน่นอน
ที่ใดหยินแรง ก็สามารถเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ได้ทุกอย่าง
รวมทั้งการใส่ร้ายป้ายสีคนดีๆ สิ่งเหล่านี้ลองมาพิจารณาใกล้ๆ ตัว
สามารถเปรียบเทียบได้ว่าพ่อบ้าน คือฮ่องเต้ ถ้าหากพ่อบ้านไม่ตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม
ไม่คบหาคนดี ไม่คบหาบัณฑิต บ้านของเรา ก็จะเหมือนบ้านเมืองของพระเจ้าเลนเต้นี่แหละ
มีแต่เรื่อง
ดังนั้น
ที่เราเดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ อาจมีสัญลักษณ์ หรือ สัญญาณที่ “หยิน” เข้าบ้านมานานปีแล้วเราไม่ได้แก้ไข จนเกิดเหตุเกิดเรื่องเกิดราวที่เหลือกำลังจะแก้ไข
แต่อย่าวิตกกังวลเลยนะคะ เพราะสามก๊กของเรานี้ คงจะบอกทางแก้ไขให้ได้บ้าง
ไม่มากก็น้อย