พิชัยสงครามกับสามก๊ก
ตอนที่ ๒/๖
โดย
อาจารย์แอน
ปี
พ.ศ. ๗๓๒ เดือน ๔ พระเจ้าเลนเต้เสด็จสวรรคต มีพระชนมายุได้ ๓๔ พรรษา
ในปีนั้นกระแสดวงดาว มีตำแหน่งตามจริงที่ค้นได้ตามรูป เอาคร่าวๆ พอรู้ทาง
โปรดสังเกตว่าดาว
๑ ในราศีมีน กุมดาว ๔ เป็นนิจและประ ดาว ๕ เล็ง ดาว ๑ และ ๕
หมายถึงสถาบันของกษัตริย์ ด้วยในราศีมีน ซึ่งเป็นราศีธาตุน้ำ ถือว่าเป็นอันตราย
ครั้งนี้ดาวเจ้าเรือนที่ดาว ๕ สถิตอยู่ ก็ไม่มีกำลัง เพราะมีตำแหน่งเป็นทั้งนิจ
ทั้งประ พลอยทำให้ดาว ๕ ขาดกำลังไปด้วย ซ้ำร้ายดาว ๕ ยังได้เกณฑ์ของดาว ๗ อีก
ตำแหน่งดาวที่ทำมุมกันนั้น
มีผลไปถึงปัญหาการสืบราชสมบัติ เนื่องจากพระเจ้าเลนเต้มีราชบุตรสองพระองค์
องค์หนึ่งเกิดจากพระนางฮกเฮา อัครมเหสีชื่อ ฮองจูเปียน ส่วนอีกองค์หนึ่งชื่อฮองจูเหียบ
เกิดจากสนมเอกฮองบี ต่อมานางฮองบีถูกยาพิษ เพราะความอิจฉาริษยาของพระนางฮกเฮา ฮองจูเหียบจึงอยู่ในความดูและของพระนางคังไทเฮา
ซึ่งเป็นมารดาของพระเจ้าเลนเต้ พระนางคังไทเฮาผู้นี้มีความลำเอียงรักหลานคนนี้มาก
ก็อ้อนวอนพระเจ้าเลนเต้ ขณะที่กำลังป่วยหนักให้ยกสมบัติให้กับฮองจูเหียบ
สิบขันที |
ขันทีทั้ง
๑๐
มีความเห็นพ้องต้องกันว่า ถ้าจะยกสมบัติให้ฮองจูเหียบ ก็ต้องฆ่าขุนพลโฮจิ้น
ผู้เป็นพี่ของพระนางฮกเฮาเสียก่อน
เป็นการชิงอำนาจ
ระหว่างขันทีทั้ง ๑๐ โดยสนับสนุนเจ้าชายฮองจูเหียบ ลูกพระสนมให้ครองบัลลังก์
และอีกฝ่ายขุนพลโฮจิ้น ผู้กุมอำนาจทางทหาร สนับสนุนหลานชาย คือเจ้าชายฮองจูเปียน
พระโอรสของพระนางฮกเฮา
เมืองลกเอี๋ยง |
เมืองลั่วหยาง
หรือลกเอี๋ยงนี้ คงจะเป็นเมืองหยิน ธาตุน้ำ เพราะมีลำน้ำสายใหญ่ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
เปรียบเทียบได้กับราศีมีน มีอิทธิพลทำให้ผู้บริหารสูงสุดทุกรุ่น
มีความลังเลเหมือนกันหมด แม้กระทั่งโฮจิ้นผู้เป็นขุนพลใหญ่ เมื่อได้ชัยชนะขันที
ก็ต้องไปถามพระนางโฮเฮาก่อน ว่าจะฆ่าดีไหม พระนางโฮเฮาได้รับการร้องขอมาก็ห้ามไว้
จนในที่สุดก็นำความตายมาสู่พี่ชายตนเองในภายหลัง
สังเกตไหม
พระนางบูเช็คเทียน เป็นใหญ่ก็อยู่ที่ลั่วหยางมากกว่าซีอานเสียอีก นี่ถ้า
ซูสีไทเฮาศึกษาทำเลมาอยู่เมืองนี้ หน้าประวัติศาสตร์อาจเปลี่ยนแปลง
ฝรั่งอาจไว้เปียโกนหน้าผากก็ได้ นี่เป็นจิตนาการแบบฟุ้งซ่าน ปนหลักวิชาว่าด้วยทำเลส่งเสริม
ในปี
พ.ศ. ๗๓๒ นี้ ดาวเนปจูน เข้าเรือนดาว ๗ พลอยทำให้พื้นที่ที่ติดแผ่นน้ำทั้งหลาย
ได้รับความลำเค็ญ ตกอยู่ภายใต้ของอำนาจเผด็จการ และในประวัติศาสตร์ช่วงนี้ของจีน
ก็จะต้องเผชิญกับอำนาจเผด็จการ ก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนตลอดเวลา และในปีนี้ ดาว ๕ ที่อยู่ในราศีกันย์
เป็นราศีของชมพูทวีป ที่มีความหมายของการตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสภาพแวดล้อม
คือ
ดาว ๕ ที่อ่อนแอ นั่นเอง
ในครั้งแรก
ขุนพลโฮจิ้น เป็นฝ่ายมีเปรียบ ตั้งฮองจูเปียน
เป็นฮ่องเต้เยาว์วัยภายใต้การสำเร็จราชการของตนเอง พระนางโฮเฮา เลื่อนตำแหน่งเป็น โฮไทเฮา
โฮจิ้น
มีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุด
แต่เรื่องภายในวังก็ยังไม่สงบด้วยฤทธิ์ของขันทีทั้ง ๑๐ จึงมีบัญชาการให้ ตั๋งโต๊ะ
ขุนศึกจากหัวเมืองชายแดนเข้ามาช่วยปราบขันทีในเมืองหลวง
โดยไม่ฟังคำคัดค้านของเหล่าที่ปรึกษา ซึ่งคัดค้านโดยให้เหตุผลว่าเหมือนเป็นการเปิดช่องให้หมาป่าเข้ามาครองเมือง
ขุนพลตั๋งโต๊ะ
เกิดที่เมืองหลินเทา ในมณฑลกานซู ซึ่งถ้าใครเคยไปเส้นทางสายไหมแล้ว
จะรู้ที่นั่นไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ แต่เป็นเขตอาณาจักรเกาชางของกษัตริย์ ฮามิ
ทำให้ตั๊งโต๊ะมีนิสัยหยาบ และเมื่อเข้าเมืองก็หลงใหลความสบาย กลายเป็นทรราช
แต่ก็ได้ครองเมือง
ในตอนที่โจรโพกผ้าเหลืองก่อการร้ายนั้น
ตั๋งโต๊ะก็มีส่วนในการปราบปรามแต่ก็พ่ายแพ้ ต้องอาศัยเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย
ช่วยเหลือขัดขวาง จนโจรโพกผ้าเหลืองแตกหนีไป ครั้นตั๋งโต๊ะทราบว่า สามนายทหารนี้
ไม่ได้เป็นขุนนาง เป็นเพียงกองอาสาสมัครของประชาชน
ก็ทำไก๋กลบเกลื่อนความปราชัยของตน แถมติดสินบนขันทีทั้ง ๑๐
ช่วยเพ็ดทูลเอาความดีความชอบใส่ตน จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองซีหลง
ส่วนเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย พี่น้องทั้งสามถูกปิดบังความชอบไว้
ตั๋งโต๊ะ
เมื่อได้รับคำสั่งเข้าเมืองหลวงมาปราบสิบขันที ก็นำทหารเอกของตนมี ลิฉุย กุยกี
เตียวเจ้ กวนเตียวทหารเอก รวมไพร่พลนับสิบหมื่นยกพลเคลื่อนทัพมาทันที
ผลปรากฏว่า
ตั๋งโต๊ะยังไม่ทันเคลื่อนทัพมาถึงเมืองหลวง โฮจิ้น
กลับถูกพวกขันทีลวงไปฆ่าในวังตั้งแต่เดือน
๘ อ้วนเสี้ยว ขุนพลมือขวาของโฮจิ้น ทราบข่าวจึงนำกำลังบุกเมืองหลวง
เข้าวังเข่นฆ่าขันทีทุกคนที่พบเห็น
เป็นการฆ่าขันทีครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
มีจดหมายเหตุบันทึกถึงจำนวนขันทีที่ถูกสังหารวันนั้นถึง ๒,๐๐๐ คน ผู้ที่หนีหลุดรอดออกมานอกวัง
ก็ถูกตามฆ่าตายกันกลาดเกลื่อนตามท้องถนน
อ้วนเสี้ยวปราบปรามขันที
และความวุ่นวายในวังหลวงได้สงบแล้ว ก็อัญเชิญฮองจูเปียนและฮองจูเหียบ กลับวัง
ดาวอะไรหนอ...ถึงทำร้ายขันทีถึงเพียงนี้
ในปี
พ.ศ. ๗๓๒ เป็นปีที่ค้นพบได้ว่า ดาว ๘ และดาว ๐ สถิตอยู่ในราศีที่ส่งกระแสถึงกัน
ใน
ลักษณะที่เป็นมรณะ และอริแก่กัน และที่บอกว่าส่งกระแสถึงกันเพราะมีกฎเกณฑ์ของอัฐเคราะห์ที่สถิตเป็นเกษตรร่วม
๒ ราศี โดยเฉพาะ ราศีเมษและราศีพิจิก
ดาวจร พ.ศ.732 |
กล่าวคือ
ดาว ๓ เป็นเกษตร ครอง ๒ ราศี คือ ราศีพิจิกและราศีเมษ ดังนั้น
เมื่อมีดวงดาวโคจรมาสถิตอยู่สองราศีนี้ สามารถส่งกระแสถึงกัน
ยิ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ กระแสนั้นก็มักจะเป็นกระแสร้าย เพราะภพของราศีที่สัมพันธ์กัน
ก็ไม่ได้เป็นไปในลักษณะที่ดี คือ เป็นอริ และมรณะ แก่กัน
ดาว
๐ กับ ดาว ๗ ที่ทำมุมแก่กัน ในลักษณะตรีโกณ คือ ดาว ๗ อยู่ที่ราศีธนู
การทรยศหักหลัง แบบถอนรากถอนโคน และหมายถึงความโหดเหี้ยมด้วย
เมื่ออ่านรวมกันแล้ว
แปลได้ความว่า ขันทีไม่มีเหลือนั่นเอง
ในขณะที่อ้วนเสี้ยวเชิญสองยุวกษัตริย์เข้าวัง
ได้ผ่านขบวนของตั๋งโต๊ะที่ขวางทางอยู่ อ้วนเสี้ยวร้องตะโกนถามว่า
ทัพผู้ใดมาขวางไว้ ตั๋งโต๊ะ จึงขับม้าขึ้นมาร้องตะโกนถามว่า
มีราชบุตรอยู่ในขบวนหรือเปล่า
ฮองจูเปียน
ผู้เป็นกษัตริย์ตกพระทัยนั่งเงียบ แต่ ฮองจูเหียบคุมสติได้ร้องถามว่า
“ทัพใดมาร้องหาราชบุตร”
ตั๋งโต๊ะก็บอกว่า
“ข้าพเจ้าชื่อตั๋งโต๊ะเป็นเจ้าเมืองซีหลง”
ฮองจูเหียบ
ถามว่า “ท่านนี้ จะมาเป็นขบถ
หรือว่าประสงค์สิ่งใด”
ตั๋งโต๊ะ
ตอบว่า “ไม่ได้มาเป็นขบถ จะมารับเสด็จ”
ฮองจูเหียบ
จึงบอกว่า “ถ้าจะมารับเสด็จทำไมไม่ลงจากหลังม้า”
ตั๋งโต๊ะสดุ้งตกใจ
รีบลงจากหลังม้า ไปกราบถวายบังคม ฮองจูเหียบจึงแสร้งชมเชยว่า “ท่านนี้ไม่เสียทีเป็นขุนนางผู้ใหญ่
ใจสัตย์ซื่อ คำต้นกับคำปลายต้องกัน”
เรื่องราวตอนนี้
เล่ากันละเอียดหน่อย เพราะตั๋งโต๊ะประทับใจในคุณลักษณะของฮองจูเหียบมาก
ว่ามีลักษณะดีมีสติปัญญามากกว่าฮองจูเปียน
สมควรที่จะตั้งเป็นกษัตริย์ครองนครลกเอี๋ยง
เป็นความคิดชั่วสายฟ้าแลบของตั๋งโต๊ะ
อันแสดงถึงคุณลักษณะในการเลือก และมองของตั๋งโต๊ะ ด้วยเหตุนี้
ตั๋งโต๊ะจึงมีนายทหารเอกฝีมือดีๆ อยู่ใกล้ตัวหลายคน
สามก๊ก |
โหงวเฮ้งของฮองจูเปียน
ต้องมีลักษณะรูปมังกร หน้าผากโหนก ดวงตาสดใส รูปปากมังกร ริมฝีปากหนา มุมปากกระดก
แต่รูปหน้าคงเล็ก จึงได้รับความลำบากและกดดันเมื่อครองราชย์
เรียกว่ามีวาสนาแต่อาภัพ
ลองเอาฝ่ามือของเราปิดหน้าดูนะคะ
และอย่าพยายามหดมือให้หน้าใหญ่ เอาตรงๆ ได้รู้ว่าหน้าเราเล็กกว่าฝ่ามือ
จะได้เตรียมตัวอาภัพเสียแต่เนินๆ